เอ็ม วิชั่น’ แปรสภาพเป็น ‘มหาชน’

เตรียมพร้อมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

เอ็ม วิชั่น’ แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่เรียบร้อย เตรียมความพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ระดมทุนขยายธุรกิจ

นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP เปิดเผยว่า บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ได้ดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการแปรสภาพของบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแสดงความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดย APM ได้เข้ามามีบทบาทในการให้คำปรึกษาในการจัดโครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และอยู่ในระหว่างการเตรียมแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) เพื่อยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งฯ ได้ในปี 2561 เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากการแปรสภาพแล้วส่งผลให้บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 65 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

นายโอภาส  เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดงาน 3 ด้าน ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ (Mobile) กีฬา (Sport) และท่องเที่ยว (Tourism) เช่น งานมหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ไอที แก็ดเจ็ต และอุปกรณ์ไอทีที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ภายใต้ชื่องาน “Thailand Mobile EXPO” และงานแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้างานแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน “EV Expo” งานแข่งขันกีฬา เช่น การจัดงานแข่งขันกีฬาชิงแชมป์ประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน Samsung Galaxy 10K Thailand Championship ร่วมจัดการแข่งขันกีฬานานาชาติ ภายใต้ชื่องาน เขาประทับช้างเทรล (KPTC TRAIL: KPTC), ตะนาวศรีเทรล (TANAOSRI TRAIL: TNT) และการบริการเคลื่อนที่ในส่วนของรถคาราวาน สำหรับงานเทศกาลต่างๆ อาทิ เทศกาลดนตรี (Music Festival)

 

“การเตรียมเป้าหมายเพื่อเข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญ เพราะเมื่อบริษัทฯได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็จะทำให้บริษัทฯมีโอกาสในการที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตได้ รวมทั้งยังทำให้บริษัทฯ มีภาพลักษณ์ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อลูกค้า คู่ค้า  รวมถึงความภาคภูมิใจของพนักงาน ตลอดจนเป็นการสร้างรากฐานของบริษัทฯให้มีความมั่งคง และเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งยกระดับองค์กรให้มีความเป็นสากล และเป็นที่ยอมรับอีกด้วย” นายโอภาสกล่าว