BM” ลุ้นรายได้แตะ 1,000 ลบ. ตุน Backlog 300 ลบ.

คาด Q2 โตต่อเนื่อง เร่งขยายลูกค้า B2B อัพมาร์จิ้น

“บางกอกชีทเม็ททัล” คาดทำรายได้ปี 60 แตะ 1,000 ลบ. โต 5-20% ตามเป้า ตุน Backlog มากกว่า 300 ลบ. รับรู้ปีนี้เกือบทั้งหมด ระบุ Q2 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลังขยายลูกค้า B2B อัพมาร์จิ้น

 

นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำรายได้รวมแตะที่ระดับ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตที่ 5-20%ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 850.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 59.42 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดคำสั่งผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ในปัจจุบันสูงกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เกือบทั้งหมดภายในปีนี้ ทำให้บริษัทฯ คาดว่าแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะมีทิศทางที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้รายได้จากงานในมือที่สูงขึ้น

ในขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มของภาคส่วนธุรกิจ หรือ Business To Business (B2B) ให้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้า B2B ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมา ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ของกลุ่ม B2B และ กลุ่มผู้รับเหมาอยู่ที่ 41.14% และ 58.86% ตามลำดับ และที่สำคัญการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้า B2B จะเป็นการทำให้อัตรากำไรขั้นต้น หรือGross Profit Margin ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20% จากในไตรมาสแรกของปีนี้ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.50%

ทั้งนี้บริษัทฯ เตรียมที่จะเดินเครื่องกำลังการผลิตของโรงงานแห่งที่ 2 โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2560 ซึ่งจะช่วยดันกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นได้อีกราวกว่า 30% ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มศักยภาพในการรับงานได้สูงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีความต้องการสินค้าเหล็กแปรรูปที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นกลุ่มงานระบบไฟฟ้าและผู้รับเหมาโครงการก่อสร้าง เช่น งานผลิตตู้

สื่อสารเพื่อใช้ในการติดตั้งอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน รวมถึงงานระบบรางและท่อ ของสนามบินสุวรรณภูมิในส่วนขยายอาคารที่จอดรถ และลานจอดเครื่องบินใหม่ โดยงานในส่วนที่บริษัทฯ ได้รับมีมูลค่าราว 300-400 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง ทำให้มีการทยอยส่งมอบสินค้าอย่างต่อเนื่อง

“เรายังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตที่ประมาณ 5% – 20% ด้วยกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าตู้โลหะ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ มากขึ้น และเพิ่มสัดส่วนรายได้ลูกค้ากลุ่มภาคส่วนธุรกิจ (Business to Business)ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นเราเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญเราอยู่ในระหว่างลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อใช้ในโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปีนี้ จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายธานินกล่าว